คุณเป็นคนหนึ่งที่กลัวความยุ่งยากในการตรวจรับคอนโดด้วยตัวเองหรือเปล่า? เช่น กังวลเกี่ยวกับขั้นตอนต่าง ๆ ที่อาจจะมีมากมาย ทั้งกลัวว่าจะเกิดความผิดพลาดในเรื่องของเอกสาร หรือกลัวที่จะต้องใช้เวลานานในการดำเนินเรื่องแต่ละขั้นตอน... ทาง Major Development เข้าใจถึงความกังวลนี้ดี จึงจัดเตรียมระบบการตรวจรับคอนโดด้วยตัวเองแบบที่ไม่ยุ่งยากและเสียเวลามาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การทำความเข้าใจขั้นตอนไว้ล่วงหน้าก่อน ก็ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของคุณ
7 ขั้นตอนการตรวจรับคอนโดด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ สไตล์ Major Development
1. ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ออกจดหมายเชิญ ในขั้นตอนแรกนี้ ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์จะออกจดหมายเชิญลูกค้า เพื่อเข้าตรวจห้องชุด หลังจากมีการลงนามสัญญาเรียบร้อยแล้ว
2. ลูกค้ายืนยันการตรวจห้องชุด เมื่อได้รับเชิญแล้ว ลูกค้าสามารถยืนยันการเข้าตรวจห้องชุดภายใน 7 วันทำการ และระหว่างนี้ ลูกค้าสามารถติดต่อธนาคารเพื่อยื่นขอสินเชื่อได้ในทันที
3. ลูกค้าเข้าตรวจความเรียบร้อยของห้องชุด ในขั้นตอนนี้ หากตรวจพบว่าห้องชุดอยู่ในสภาพเรียบร้อยดี ไม่มีส่วนใดต้องแก้ไข ลูกค้าก็สามารถนัดโอนกรรมสิทธิ์ได้เลย
4. กรณีพบข้อบกพร่อง หากเข้าตรวจดูความเรียบร้อยแล้วพบข้อบกพร่อง ทางบริษัทจะทำการแก้ไขให้ภายใน 14 วันทำการ จากนั้นจะนัดลูกค้ามาตรวจดูอีกครั้ง หากทุกอย่างได้รับการแก้ไขเรียบร้อยดีแล้ว จะนัดโอนกรรมสิทธิ์ภายใน 7 วันทำการ
5. การนัดโอนกรรมสิทธิ์ ในขั้นตอนนี้ลูกค้าจะต้องเตรียมเอกสารการโอนตาม Checklist ที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์มอบให้ไว้ โดยเอกสารนี้จะแบ่งรายละเอียดตาม 3 กลุ่มลูกค้า นั่นคือ ลูกค้าไทย, ลูกค้าต่างชาติ และลูกค้าบริษัทไทย/ต่างชาติ โดยแต่ละกลุ่มลูกค้าจะต้องทำการรับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับ สำหรับลูกค้าบริษัทไทย/ต่างชาติ ต้องรับรองสำเนาถูกต้องโดย กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม และมีตรายางบริษัทฯประทับทุกฉบับ
เอกสารที่ใช้ในการโอนกรรมสิทธิ์
บุคคลธรรมดาไทย
• หนังสือมอบอำนาจซื้อ (และจำนองกรรมสิทธิ์) (กรณีลูกค้าไม่ไปโอนกรรมสิทธิ์ด้วยตัวเอง) (ถ้ากู้ธนาคาร ธนาคารจะเป็นฝ่ายจัดเตรียม) 1 ชุด
• บัตรประชาชน + ทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ 2 ชุด
• สำเนาทะเบียนสมรส (หากมี) 1 ชุด
• สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของคู่สมรส (หากมี) 1 ชุด
• Passport และ Visa ของคู่สมรส กรณีเป็นชาวต่างชาติ (หากมี) 1 ชุด
• หนังสือยินยอมคู่สมรส (กรณีคู่สมรสคนใดคนหนึ่งเท่านั้นเป็นฝ่ายซื้อ) 1 ชุด
• หนังสือยินยอมให้เป็นสินส่วนตัว (กรณีคู่สมรสของผู้ซื้อเป็นต่างชาติ โดยคู่สมรสที่เป็นชาวต่างชาติต้องมาแสดงตัวต่อหน้าเจ้าหน้าที่ หรือหากไม่สามารถมาได้ ต้อง Notary Public เอกสาร) 1 ชุด
• หนังสือใช้อำนาจปกครอง (กรณีผู้ซื้อเป็นผู้เยาว์) 1 ชุด
• เงินสดย่อย จำนวน 1,000 บาท
นิติบุคคลจดทะเบียนไทย
• หนังสือมอบอำนาจซื้อ (และจำนองกรรมสิทธิ์) (กรณีลูกค้าไม่ไปโอนกรรมสิทธิ์ด้วยตัวเอง) 2 ชุด
• รายงานการประชุมบริษัท (หากทุนจดทะเบียนของนิติบุคคล ต่ำกว่าราคาซื้อขายห้องชุด ต้องระบุที่มาของเงินส่วนต่างในรายงานการประชุมด้วยว่า มีที่มาจากไหน ระบุชื่อโครงการ เลขที่ห้อง ราคาซื้อขาย) 1 ชุด
• หนังสือรับรองบริษัทไม่เกิน 3 เดือน/ หนังสือบริคณห์แก้ไขเพิ่มเติม/ หน้าตรายาง/ บัญชีหุ้น (อายุไม่เกิน 1 เดือน) (มีลายเซ็นรับรอง และตรายางประทับ) 2 ชุด
• สำเนาบัตรประชาชน + ทะเบียนบ้านของกรรมการ ผู้มีอำนาจลงนาม 4 ชุด
• เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
• หนังสือรับรองบริษัทอายุไม่เกิน 1 เดือน ประทับตรา และรับรอง (ระบุ “สำหรับการโอนมิเตอร์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ”) 1 ชุด
• เงินสดย่อย จำนวน 1,000 บาท
นี่เป็นตัวอย่างสำหรับเอกสารที่ต้องใช้ในการโอนกรรมสิทธิ์ในส่วนของลูกค้าไทย ซึ่งสำหรับชาวต่างชาติ และบริษัทต่างชาติ ก็จะมีรายละเอียดที่ต่างออกไปเล็กน้อย โดยสามารถดูรายละเอียดทั้งหมดได้ จากเอกสารรายละเอียดที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ได้มอบไว้ให้เพื่อการเตรียมเอกสารโดยเฉพาะ
6. รับกล่องกุญแจและเอกสาร เมื่อการโอนกรรมสิทธิ์เสร็จสิ้นแล้ว ลูกค้าจะได้รับกล่องกุญแจ และเอกสารจากสำนักงานที่ดินในวันถัดไป จากนั้นจะมีการแนะนำเจ้าหน้าที่นิติบุคคลอาคารชุด พร้อมให้รายละเอียดผู้ที่ลูกค้าสามารถติดต่อได้ รวมทั้งจะให้ลูกค้าลงทะเบียนเข้าพักอาศัย และลงทะเบียนสัตว์เลี้ยง ในกรณีที่มีการเลี้ยงสัตว์ด้วย
7. แนะนำการแจ้งซ่อมออนไลน์ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ในขั้นตอนสุดท้ายจะแนะนำถึงการแจ้งซ่อมห้องออนไลน์ผ่าน Service.mde.co.th ให้กับลูกค้าทุกท่าน ลูกค้าสามารถแจ้งรายละเอียดสิ่งที่ต้องการซ่อมแซม รวมทั้งสามารถตรวจเช็กสถานะการซ่อมได้อีกด้วย
ง่ายกว่าที่คาดคิดไว้มากเลยจริงไหม สำหรับการตรวจรับคอนโดด้วยตัวเอง เพราะเพียงแค่ทำครบ 7 ขั้นตอน คุณก็สามารถเข้าอยู่อาศัยได้เลย เรียกว่า ตรวจรับโอนง่าย ย้ายเข้าสบาย ตรงตามคอนเซ็ปต์ Smart Move by Major Development อย่างแท้จริง