พระราม 9 ในวันนี้มีความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ทำให้นักลงทุนต้องคอยอัพเดททำเลน่าลงทุนในย่านนี้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำเลพระราม 9 ขึ้นชื่อว่าเป็น ”ย่านธุรกิจแห่งใหม่” ที่มีศักยภาพในการลงทุนสูงมาก โดยเฉพาะ ซึ่งหลังจากการเปิดตัวของ Mega Project จาก G Land ทำให้ราคาที่ดินย่านพระราม 9 พุ่งสูงขึ้นกว่า 46% ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี


นอกจากศักยภาพของทำเลที่ดีมากๆ แล้ว ‘พระราม 9’ ยังเป็นย่านที่มี Demand สูงด้วยเช่นกัน เพราะเป็นย่านที่มีอาคารสำนักงาน ซึ่งเป็นแหล่งรวมของพนักงานออฟฟิศมากมายบนถนนรัชดาภิเษกแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) , TRUE, AIA, Singha Complex, The 9 Tower, G Tower, Uniliver House , Vorasombat Building ฯลฯ การเพิ่มขึ้นของพนักงานออฟฟิศนี้ส่งผลให้อัตราการเช่าสูงกว่า 60%  และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง  เหล่านักลงทุนจึงสนใจย่านธุรกิจแห่งนี้มากเป็นพิเศษ มีการคาดการณ์กันว่าภายในปี 2563 จำนวนพนักงานออฟฟิศในย่านนี้จะเพิ่มขึ้นถึง 100% จากประมาณ 19,000 คน ในปีปัจจุบันจะเพิ่มเป็น 38,000 คนเลยทีเดียว

เราจะมาเจาะลึกถึงเหตุผลว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้นักลงทุนมองว่าทำเล พระราม 9 –  ศูนย์วัฒนธรรม จึงเหมาะแก่การเก็งกำไร และการปล่อยเช่า โดยแบ่งการวิเคราะห์ออกเป็น 2 โซน ดังนี้

            พระราม 9 ทำเลที่ได้รับความนิยมสูงในด้านการอยู่อาศัย เพราะมีสถานีรถไฟใต้ดินสถานีพระราม 9 ที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางได้เป็นอย่างดี ในระยะไม่เกิน 1 กม.มีคอนโดมิเนียมรวมมากกว่า 10,000 ยูนิต ซึ่งมีราคาเฉลี่ยตั้งแต่ตารางเมตรละ 140,000-240,000 บาท สำหรับนักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลตอบแทนค่าเช่า (Rental Yield) อยู่ที่ประมาณ 4%-6% เลยทีเดียว

            ศูนย์วัฒนธรรมฯ อีกหนึ่งทำเลที่ได้รับความนิยมในการอยู่อาศัยไม่ต่างจากพระราม 9 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่เป็นชุมชนมากกว่า ซึ่งราคาราคาเฉลี่ย/ตารางเมตรก็ต่ำกว่า อยู่ที่ประมาณ 130,000-170,000 บาท โดยผลตอบแทนค่าเช่า (Rental Yield) อยู่ที่ประมาณ 4%-5%

จากบทวิเคราะห์ดังกล่าว จะเห็นว่าทั้ง 2 โซนนี้ต่างมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์

โซนพระราม 9 เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ลงทุนกับคอนโดเพื่อการปล่อยเช่า ซึ่งการลงทุนในโซนนี้จะได้ผู้เช่ารวดเร็วกว่า แต่ก็ต้องใช้เงินในการลงทุนที่สูงเช่นเดียวกัน ซึ่งในกรณีที่นักลงทุนไม่ต้องการลงทุนในพื้นที่ที่มีการแข่งขันกันสูง อาจจะขยับมาที่ โซนศูนย์วัฒนธรรม แทน เพราะถึงแม้ว่าจะได้ Rental Yield ที่ต่ำกว่า แต่ด้วยศักยภาพของพื้นที่ที่มีความใกล้เคียงกัน ส่งผลให้มีโอกาสที่จะได้รับผลกำไรจากการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เรียกว่านักลงทุนสะดวกแบบไหนก็สามารถเลือกลงทุนได้ตามความต้องการ

สรุปกันแบบสั้นๆ ถึง 6 ปัจจัยที่ทำให้ย่านธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯนี้ เป็นย่านที่น่าลงทุน

1. มี Mega Project ขนาดใหญ่ทั้งที่พัฒนาแล้ว และกำลังจะเสร็จในอนาคต อาทิ Makkasan Complex ที่จะเป็น Mass Transit Hub ในอนาคต ประกอบด้วย Retail, สวนสาธารณะขนาดใหญ่และพิพิธภัณฑ์ของการรถไฟ เพื่อรองรับการเข้าถึงของประชาชนอีกด้วย
2. เป็นสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่มี Traffic เป็นอันดับ 2 รองจากสถานีสุขุมวิท
3. มีการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้กลุ่มลูกค้าระดับบนขยายตัวมากขึ้นตามไปด้วย
4. เป็นทำเลที่มีอัตราการเช่าพื้นที่เพื่อธุรกิจสูงถึง 90% ส่งผลให้มีพนักงานออฟฟิศเพิ่มขึ้นจากปี 2017 อีกเท่าตัว ซึ่งนับว่าเป็นจำนวน Demand ที่ใหญ่มากจนไม่อาจมองข้ามได้
5. คอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่รอบบริเวณมีราคาพุ่งสูงขึ้นเฉลี่ยปีละ 5%-8%
6. มีอัตราการเช่าคอนโดมิเนียมมากถึง 90% ในราคาค่าเช่า 500-700 บาท/ตารางเมตร

คอนโดมิเนียม โครงการ Maestro 03 รัชดา-พระราม 9 เป็นโครงการในเครือ Major Development ที่อยู่ในทำเลดังกล่าวที่ขอแนะนำ เพราะเป็นโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ ห่างจากสถานี MRT พระราม 9 เพียง 600 เมตร หรือจากสถานีศูนย์วัฒนธรรม 700 เมตร ตอบโจทย์ผู้ที่กำลังหาคอนโดเพื่อการลงทุนได้เป็นอย่างดี  Maestro 03 รัชดา-พระราม 9 เป็นโครงการแบบ Low-rise ที่ได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซปต์การสะท้อนถึงความสมดุลของชีวิต ผสมผสานความคลาสสิคและร่วมสมัยได้อย่างลงตัว มีพื้นที่สีเขียวโอบล้อมโครงการ สำหรับลูกบ้านในการเปิดรับแสงและการถ่ายเทของลมธรรมชาติในห้อง ภายในห้องมีการออกแบบอย่างใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อให้คุณสามารถใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วได้อย่างคุ้มค่าที่สุด อาทิ โต๊ะทานข้าวที่สามารถขยาย-พับเก็บได้, ตู้ build-in เก็บของ และลิ้นชักใต้เตียง Maestro 03 รัชดา-พระราม 9 คอนโดมิเนียมโครงการที่เหนือระดับเพื่อการใช้ชีวิตสมบูรณ์แบบของคุณ