ถ้าพูดถึงย่านเก่า ที่มีความรุ่งเรืองมาแต่อดีต แล้วในปัจจุบัน ก็ยังคงเป็นเสมือนจุดศูนย์กลางของเมือง เป็นทำเลศักยภาพอยู่เช่นเดิม ‘สีลม’ คงเป็นความหมายนั้น

          ประวัติศาสตร์ของสีลม เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ครั้งก่อร่างสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ก็ว่าได้ น่าจะตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ 1 ทรงพระราชทานที่ดิน ให้กับชุมชนชาวคริสต์ในปี 2330 หลักฐานสำคัญที่ยังคงเห็นได้ ก็คือโบสถ์กาลหว่าร์ ที่แม้อาคารแบบนีโอโกธิคที่เห็นในวันนี้ จะถูกสร้างขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อทดแทนอาคารเดิมที่ถูกไฟไหม้ไปก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้ความเป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย และสถานที่แห่งมนต์เสน่ห์สีลม ถูกลบเลือนไป

         เมื่อเกิดชุมชนขึ้น สีลมก็เติบโตขึ้นตามไปด้วย ความเจริญของกรุงเทพฯในอดีตหลายสิ่งหลายอย่าง เริ่มต้นขึ้นที่นี่ จนกลายเป็นมนต์เสน่ห์สีลม ที่ไม่เหมือนที่ไหน อาทิ

• ถนนตัดใหม่ที่ใช้เทคนิคแบบชาวตะวันตกเกิดขึ้นที่นี่ จากกลุ่มกงสุลและพ่อค้าชาวต่างชาติที่รวมตัวกันยื่นเรื่องกับกรมท่า ถวายฎีกาเพื่อขอให้ทางรัฐบาลสร้างถนน ด้วยเหตุผลว่าไม่มีถนนหนทางสำหรับขี่รถม้าเพื่อสันทนาการตามวิถีชาวยุโรป จนเกิดความป่วยไข้ รัชกาลที่ 4 ทรงเล็งเห็นประโยชน์ จึงมีพระบรมราชโองการในปีพ.ศ. 2404 ให้ตัดถนน 3 สาย ได้แก่ ถนนเจริญกรุง ถนนหัวลำโพง และถนนสีลม ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นความเจริญที่เป็นมนต์เสน่ห์สีลม
• 100 ปีก่อน ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถนนสีลมกลายเป็นย่านธุรกิจห้างร้าน และที่พักอาศัยของชนชั้นนำจำนวนมาก ส่วนอาคารพาณิชย์ให้เช่า ธุรกิจที่พักอาศัยก็เกิดขึ้นตามมาพร้อม ๆ กับความคึกคักของผู้คน
• มีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัย และทำการค้าในย่านสีลมมากมาย จึงนับเป็นทำเลศักยภาพมาตั้งแต่ยุคอดีตก็ว่าได้ ชาวอินเดียน่าจะเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่เข้ามา สังเกตได้จากชาวอินเดียที่เห็นได้บ่อยในย่านนี้ กับสถานที่ทางศาสนา อย่างเช่น วัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือวัดแขก ส่วนชาติอื่น ๆ ก็เข้ามาอยู่อาศัยกันไม่น้อย ไม่ว่า จีน ญี่ปุ่น ยุโรป จนกลายเป็นย่านที่มีวัฒนธรรมอันหลากหลาย แต่ก็กลมกลืนได้เป็นอย่างดีจนถึงปัจจุบัน

          จากความเจริญเมื่อครั้งอดีตที่กล่าวมา ทำให้เรายังคงได้เห็นร่องรอยนั้น อยู่บนถนนสีลม ไม่ว่าจะในรูปแบบของตึกอาคารที่สร้างมนต์เสน่ห์สีลม ให้เกิดความแตกต่าง แม้วันนี้จะถูกดัดแปลงไปเป็นโรงแรม, บูติกโฮเทล , ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ ฯลฯ แต่ความมีเสน่ห์นั้น ก็ไม่เคยจางไป กลับแทรกตัวอยู่กับความใหม่ได้อย่างพอดิบพอดี

          ยุคปัจจุบัน สีลม ถูกเรียกว่าเป็นย่าน Central Business District หรือย่านธุรกิจการค้า ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจมาก มีทำเลศักยภาพ ที่ทุกคนต่างอยากเข้ามาลงทุน ด้วยต้นทุนด้านการเดินทางที่สะดวกมาก มีถนนล้อมรอบ มีทางด่วน มีรถไฟฟ้าทั้ง BTS และ MRT ที่มีจุดเชื่อมต่อกันในหลาย ๆ จุด เช่น รถไฟฟ้า BTS สถานีศาลาแดงเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง BTS กับรถไฟฟ้าMRT สถานีสีลม แม้แต่การเดินทางด้วยเรือ ย่านสีลมก็ยังสะดวกมากเช่นกัน โดยมีท่าเรือสาทร เป็นท่ารวมเรือด่วนทุกสายเอาไว้หมด ทั้งเรือประจำทางธรรมดา, เรือด่วนธงส้ม, ธงเขียว แล้วท่าเรือสาทร ก็ยังจะสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สถานีตากสินได้อีก

       ซึ่งเป็นเหตุผลหลัก ให้บริษัทใหญ่ ๆ ออฟฟิศละตึกต่าง ๆ ทั้งของไทย และต่างชาติ มารวมตัวอยู่ในย่านนี้กันอย่างหนาแน่น และทำให้คนทำงานออฟฟิศ หรือพนักงานบริษัท มาใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้มากตามไปด้วย เมื่อคนมาก สิ่งอำนวยความสะดวกก็มากตาม แหล่งอาหารการกิน ร้านช้อปปิ้งต่าง ๆ ของย่านสีลมจึงไม่แพ้ใคร (เชื่อว่าคุณต้องเคยมาซอยละลายทรัพย์ หรือซอยธนิยะแหล่งอาหารญี่ปุ่นกันบ้าง) กลายเป็นมนต์เสน่ห์สีลมที่ไม่เคยหลับใหล แต่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนความคึกคักมีชีวิตชีวา ได้ตลอดทั้งวัน



        และถ้าอยากสัมผัสกับความแตกต่างที่ไม่เหมือนใครในย่านสีลม ลองแวะไปที่ M Silom www.mde.co.th/th/project/msilom   จากเครือ Major Development โครงการที่ไม่เพียงอยู่บนทำเลศูนย์กลางธุรกิจ แต่ยังออกแบบให้คุณสามารถใช้ชีวิตให้แตกต่างกว่าที่เคย กับสถาปัตยกรรมที่ถูกออกแบบอย่างมีมิติ มีฟังก์ชั่นที่เป็นสัดส่วนกว้างขวาง โดดเด่นด้วยความเป็นส่วนตัวสูงสุด แต่ละชั้นมีเพียง 4-6 ห้อง ทำให้เกือบทุกห้องอยู่ในตำแหน่งหัวมุม มีพื้นที่ส่วนกลางทั้ง 3 ชั้นบนสุดเพื่อให้คุณสัมผัสทัศนียภาพ และมุมมองใหม่ ๆ ของเมือง สิ่งเหล่านี้ใครจะคิดว่าสามารถทำได้ ในทำเลอย่างสีลม นับเป็นความแตกต่างที่เหนือระดับอย่างแท้จริง