คนทำงานในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ การโยกย้ายที่อยู่ ดูจะเป็นเรื่องปกติ บางคนเปลี่ยนงานใหม่ที ก็ย้ายห้องใหม่ที เพื่อให้สะดวกกับการเดินทาง และเอื้อต่อการใช้ชีวิต หรือย้ายจากห้องเช่า ไปสู่ห้องคอนโดตัวเองของคนทำงานที่เก็บหอมรอมริบ จนสามารถขยับขยายได้ก็มีอยู่ไม่น้อย แต่ไม่ว่าจะย้ายด้วยเหตุผลใดก็ตาม การย้ายห้องใหม่ก็เป็นเรื่องชวนปวดหัวไม่น้อย โดยเฉพาะถ้าคุณอยู่ในที่เก่านานหลายปี จนข้าวของแน่นขนัด ชนิดไม่รู้จะเริ่มต้นจากส่วนไหนก่อน แถมบางครั้งถ้าไม่รอบคอบ ก็อาจมีปัญหากับเจ้าของห้องเช่าอีกต่างหาก ดังนั้นลองนำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้ดู

     การเคลียร์ห้องเก่า ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง?


1. กำหนดวันย้ายออกให้แน่นอน ซึ่งอาจเลือกวันที่คุณสะดวก เพื่อนมาช่วยได้ขนสะดวก รถราสำหรับขนของพร้อม ถ้าถือเรื่องโชคลางก็หาวันดีเอาไว้เลย เพื่อที่จะได้ไปบอกวันย้ายล่วงหน้ากับเจ้าของห้อง สำหรับกรณีเช่าห้อง ซึ่งอาจต้องเช็คดูจากสัญญาการเช่าห้องด้วยว่า ต้องบอกล่วงหน้ากี่เดือนถ้าย้ายห้องใหม่ จึงจะได้รับเงินประกันคืนตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้

2. ลิสต์รายการข้าวของที่จะเก็บย้ายไปห้องใหม่ และของชิ้นไหนที่จะทิ้ง หรือบริจาค ซึ่งถือเป็นวาระการเคลียร์ของครั้งใหญ่ของคุณก็ว่าได้

3. เมื่อเหลือแต่ของที่คุณต้องการแล้ว ให้จัดการแยกหมวดหมู่ เช่น เสื้อผ้า, เครื่องประดับ, อุปกรณ์ของใช้ในครัว จานชาม หรือกระจกที่แตกหักได้, หนังสือ, เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่, ของตกแต่งบ้าน, เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ การแยกหมวดหมู่ ช่วยให้คุณแพ็คของแต่ละประเภทได้อย่างถูกต้อง และกะปริมาณซื้อกล่อง พลาสติกกันกระแทก หรืออุปกรณ์แพ็คได้อย่างพอเหมาะ


4.ลงมือแพ็คของตามหมวดหมู่ที่แยกไว้ โดยควรศึกษาวิธีการแพ็คของอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการเสียหาย และช่วยให้การขนย้ายเป็นไปโดยสะดวก เช่น

- จานชามแก้ว ที่แตกได้ง่ายก็ควรห่อหุ้มให้ดีด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ หรือพลาสติกกันกระแทก จัดเรียงลงกล่องแบบใหญ่ไปหาเล็ก และถ้ามีพื้นที่ในกล่องเหลือควรหากระดาษยัดให้แน่น ไม่ให้เคลื่อนไหวได้

- หนังสือ ไม่ควรใส่กล่องที่ใหญ่เกินไป เพราะหนังสือมีน้ำหนักมาก เมื่อขนย้ายจะทำให้กล่องทะลุได้

- เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนไหนที่ถอดได้ให้ถอดออกแล้วแยกแพ็ค สายไฟให้ม้วนแยกเก็บ แล้วใส่ในกล่องเดียวกัน เพื่อป้องกันการหาย

- เสื้อผ้า ควรเก็บแยกกล่องระหว่าง เสื้อใช้ประจำวัน (หรือใช้บ่อย) กับเสื้อผ้าที่นาน ๆ ใช้ที เพื่อที่ว่าเมื่อย้ายห้องใหม่คุณจะได้หยิบกล่องใช้บ่อยมาเปิดใช้ก่อน โดยไม่ต้องรื้อหา

5. เขียนป้ายติดที่กล่องว่าคืออะไร อาจใช้สัญลักษณ์สีร่วมด้วย เพื่อให้ขนย้ายสะดวกขึ้น เช่น สีแดงสำหรับของที่แตกหักได้ง่าย อย่าลืมเขียนด้วยว่ากล่องนั้น ๆ จะนำไปไว้ที่ห้องไหน เพื่อง่ายต่อการจัดห้องใหม่

6.จัดการขนย้าย ซึ่งมีให้เลือกว่าจะขนย้ายเอง หรือจ้างบริษัทรับขนย้าย วิธีแรกคุณอาจเหนื่อยหน่อย แล้วอาจต้องระดมเพื่อนฝูงมาช่วยกัน หรือถ้าสะดวกทยอยขน โดยใช้เวลาหลายวันก็ได้ แต่ถ้าไม่อยากเหนื่อย ก็ให้จ้างบริษัทรับขนย้าย แต่ก็ต้องเลือกบริษัทที่ไว้ใจได้ มีเงินประกันเมื่อของเสียหาย แต่ก็มีหลายคนที่เลือกใช้ 2 วิธีร่วมกัน คือขนของที่ไม่หนักมากด้วยตัวเอง ของชิ้นใหญ่ อย่างโซฟา ตู้ เตียง เครื่องใช้ไฟฟ้า ให้บริษัทรับขนไป เพราะมีทั้งคน และอุปกรณ์พร้อมกว่า

7. ทำความสะอาดห้อง และตรวจเช็คความเสียหายต่าง ๆ โดยอาจกางสัญญาเช่าดูก็ได้ว่าอะไรที่จะต้องซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดี เพื่อป้องกันการถูกปรับค่าเสียหาย

8. อย่าลืมเคลียร์บิลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้เรียบร้อย ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต รวมถึงแจ้งการเปลี่ยนที่อยู่สำหรับการส่งเอกสารต่าง ๆ ด้วย

     การย้ายเข้าห้องใหม่ ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง?

1. คนที่มีความเชื่อ และต้องการความสบายใจ ควรหาวันดีสำหรับย้ายห้องใหม่ เมื่อถึงวันให้นำพระพุทธรูปเข้าไปก่อน เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางให้อยู่เย็นเป็นสุข

2. ตรวจสอบสภาพห้องใหม่ให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเรื่องระบบประปา ไฟฟ้า สัญญาณเคเบิล สัญญาณอินเตอร์เน็ต รวมถึงสภาพห้องทั้งหมด


3. วัดขนาดพื้นที่ว่าจะจัดวางข้าวของอย่างไร จากนั้นจัดวางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลัก ๆ ก่อน อย่างเช่น โซฟา เตียง ตู้ แล้วค่อยจัดของอื่น ๆ เพิ่มเติมเข้าไปอย่างเป็นระเบียบ และไม่ควรซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่มาเพิ่มทันที แต่ควรลองใช้ชีวิตดูก่อนว่าคุณต้องการอะไรจริง ๆ สำหรับการย้ายห้องใหม่นี้

4. ติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อแจ้งการเปลี่ยนที่อยู่ โดยเฉพาะที่อยู่ในการส่งบิลต่าง ๆ อย่างบัตรเครดิต บิลจากสถาบันการเงิน การสมัครสมาชิกในเรื่องต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เสียประโยชน์ และยุ่งยากในภายหลัง

     ไม่ว่าจะเคลียร์ห้องเก่า หรือย้ายเข้าห้องใหม่ ความยุ่งยาก เหน็ดเหนื่อยจะลดน้อยลงมาก ถ้าคุณเตรียมการดีตั้งแต่เนิ่น ๆ รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง เพราะการโยกย้ายที่อยู่แต่ละครั้ง ไม่เพียงงานเก็บ งานยกของหนัก ๆ เท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดปลีกย่อย อย่างเช่น การแจ้งย้าย การตรวจสอบห้องสำหรับเงินค่าประกัน ดังนั้นถ้าไม่อยากเสียประโยชน์อย่าลืมศึกษาก่อนย้ายให้ดีด้วย