ชาวฟรีแลนซ์ที่กำลังวาดฝันจะมีคอนโดเป็นของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด ปัญหาหนักใจของคนทำงานฟรีแลนซ์หรือคนทำอาชีพอิสระในการกู้ซื้อบ้านหรือคอนโด คือ การพิจารณาของธนาคารนั้นไม่ได้ง่ายเหมือนมนุษย์เงินเดือน และมีความเป็นไปได้สูงที่จะ “กู้ไม่ผ่าน” เพราะธนาคารมักมองว่าคนทำงานฟรีแลนซ์มีรายได้ที่ไม่แน่นอน ต่างจากมนุษย์เงินเดือนที่มีตัวเลขรายรับเข้าบัญชีอย่างชัดเจน ยิ่งหากชาวฟรีแลนซ์คนไหนไม่ได้ส่งภาษี และไม่ได้เก็บเอกสารเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างด้วยแล้วล่ะก็ ธนาคารยิ่งมองว่าการปล่อยกู้เคสแบบนี้นั้นมีความเสี่ยง ดังนั้น การจะกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดของชาวฟรีแลนซ์ ต้องมีการเตรียมตัวกันเป็นปีๆ เบื้องต้นจะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน
จัดระเบียบหนี้เก่า
ฟรีแลนซ์บางคนอาจมีภาระค่าบัตรเครดิต ค่างวดรถ หรือค่าสินเชื่อต่างๆ ดังนั้น ก่อนยื่นสินเชื่อแนะนำว่าให้เคลียร์ภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้เหลือน้อยที่สุด เพราะธนาคารจะอนุมัติสินเชื่อจากรายได้ ซึ่งหากคุณมีภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือนมากกว่า 30-40 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ โอกาสที่จะพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจะน้อยลง ซึ่งเกณฑ์การพิจารณานี้ถูกใช้ทั้งกับฟรีแลนซ์และคนทำงานประจำ
เดินบัญชีธนาคารให้มีความสม่ำเสมอ
ธนาคารจะพิจารณา Statement รายการเดินบัญชีของผู้กู้เพื่อดูรายรับ ชาวฟรีแลนซ์จำเป็นต้องแสดงสถานะการเดินบัญชีย้อนหลังอย่างน้อย 4-6 เดือน เพื่อให้ธนาคารเห็นว่าเรามีรายได้เข้าบัญชีจำนวนเท่าไหร่ และต่อเนื่องเป็นประจำมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น ควรยื่นบัญชีที่ใช้รับโอนค่าจ้าง หากรับจากหลายบัญชี ก็ควรรวบรวมมายื่นให้ครบถ้วน
รักษาประวัติเครดิตบูไรให้ดี
ถ้าหากผู้กู้มีประวัติการผ่อน ชำระตรงต่อเวลา การสร้างความเชื่อมั่นและอนุมัติวงเงินกู้นั้นก็มีความเป็นไปได้สูง แต่ในทางตรงกันข้ามหากผู้กู้ผิดนัดชำระหนี้ หรือมีหนี้เสียจนมีประวัติเครดิตบูโรที่ไม่ดี การยื่นขอกู้จะเป็นไปได้ยากและอาจกู้ไม่ผ่านเลย แม้แต่การติด Blacklist ในการทำธุรกรรมอื่นๆ ก็ส่งผลเสีย หรือมีโอกาสได้รับการอนุมัติขอสินเชื่อยากเช่นกัน
เตรียมเอกสารให้พร้อม
ฟรีแลนซ์ทุกคนจำเป็นจะต้องรวบรวมเอกสารทางการเงินให้พร้อม เพื่อแสดงถึงความมั่นคงของรายได้ให้ธนาคารเห็นได้ชัดเจนมากที่สุด นอกจาก Statement ก็ควรมีเอกสารที่แสดงถึงการเป็นผู้ชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือว่าเราเสียภาษีถูกต้องครบถ้วน ซึ่งเอกสาร ภงด. 90 ถือว่าเป็นหนึ่งในหลักฐานการแสดงรายได้ทั้งปีของชาวฟรีแลนซ์ที่ต้องใช้เพื่อกู้เงิน ตลอดไปจนถึงเอกสารอื่นๆ เช่น ใบเสร็จรับเงิน หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย เอกสารสัญญาการว่าจ้างงานที่ทำกับบริษัทผู้ว่าจ้าง เป็นต้น
บัญชีเงินออม มีเงินคงเหลือ 3-6 เท่าของค่างวด
การมีเงินออมหรือเงินเย็นในบัญชีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้เราสามารถขอกู้ซื้อบ้านได้ผ่านง่ายมากขึ้นเท่านั้น โดยฟรีแลนซ์ควรมีเงินออมคงเหลือในบัญชี 3-6 เท่าของค่างวด ซึ่งจะทำให้เราดูมีหลักประกันมาประกันว่า ถึงรายได้จะไม่มั่นคง เช่น เดือนนั้นมีงานน้อยหรือรายได้น้อยขึ้นมา ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ต้องจ่ายหนี้ เงินสำรองนี้จะสามารถนำมาใช้ในยามฉุกเฉินได้ ซึ่งวิธีออมเงินสำรองแบบนี้จะช่วยให้ธนาคารมั่นใจได้ว่า ผู้กู้จะสามารถแบกรับภาระที่ต้องผ่อนต่อเดือนได้ในอนาคต
หาคนกู้ร่วม หรือ คนค้ำประกัน
การหาคนมากู้ร่วม นับเป็นหนทางหนึ่งที่ธนาคารจะแนะนำและควรทำ เพราะจะกู้ผ่านได้ง่ายกว่า แต่คนที่จะมากู้ร่วมด้วยนั้นต้องมีรายได้แน่นอน ชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ โดยต้องเป็นคนในเครือญาติ คนในครอบครัวที่เป็นสายเลือดเดียวกัน หรือคู่สมรสที่จดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนก็ได้ เป็นต้น