Property Insight

'หุ้น' หรือ 'คอนโด'
ลงทุนแบบไหนที่ได้รับผลตอบแทนมากกว่า?

August 7, 2019

ปัจจุบันการลงทุนมีอยู่หลายรูปแบบ ซึ่งแน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของการลงทุนนั้นก็เพื่อที่จะสร้างผลกำไรและความมั่งคั่งให้แก่ผู้ลงทุนในอนาคต วันนี้จะพูดถึงการลงทุน 2 รูปแบบ ได้แก่ การลงทุนหุ้น และการลงทุนคอนโด แน่นอนว่าการลงทุนทั้งสองอย่างมีความแตกต่างกันมากพอสมควร

Content-960-x-504-1.jpg


            การลงทุนหุ้น  เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงจากราคาหุ้น ที่มีความผันผวนมาก เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่สามารถสร้างผลกระทบให้กับราคาหุ้นได้ตลอดเวลา เช่น ข่าวสารทางการเงิน ข่าวเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ข่าวลือ ผลประกอบการของธุรกิจที่เราลงทุน ฯลฯ ซึ่งทำให้มีโอกาสการขาดทุนได้ง่าย อีกทั้งการลงทุนหุ้นต้องใช้เงินสดหรือการกู้ยืมเงินระยะสั้น ทำให้มีต้นทุนในการลงทุนสูง ผู้ลงทุนจำเป็นต้อง ศึกษา และทำความเข้าใจในธุรกิจหรือหุ้นที่ลงทุนไปด้วย ที่สำคัญต้องติดตามข่าวสารและหมั่นหาความรู้อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งประสบการณ์ในการลงทุนถือว่ามีความสำคัญมาก จึงค่อนข้างจะเป็นเรื่องยากในการทำกำไรให้ได้ดีสำหรับนักลงทุนหุ้นหน้าใหม่

Content-960-x-504-2.jpg


            การลงทุนคอนโด มีหลากหลายรูปแบบ อาทิ การลงทุนแบบเก็งกำไรระยะสั้น อย่างการขายใบจอง หรือเงินดาวน์ ส่วนการลงทุนระยะยาวก็เช่น ลงทุนคอนโดปล่อยเช่าเพื่อทำกำไร หรือปล่อยขายเมื่อมีมูลค่าสูงในอนาคต หรือบางคนก็สะสมไว้เพื่อเป็นมรดกที่มีมูลค่าสูงที่ส่งต่อให้ลูกหลาน ซึ่งข้อดีของการลงทุนคอนโดมีอยู่หลายประการ ดังนี้

  • ไม่ต้องเสี่ยงกับราคาตลาดที่ผันผวน เนื่องจากราคาคอนโดมิเนียมจะค่อย ๆ ขยับขึ้นตามระยะเวลาและมีแนวโน้มที่จะขึ้นทุกปี ขณะที่ราคาหุ้นจะขยับขึ้น-ลง แทบทุกชั่วโมง
  • สามารถกู้เงินธนาคารมาลงทุนได้ง่าย การกู้เงินเพื่อที่อยู่อาศัยทุกธนาคารจะมีดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำกว่าการยื่นกู้เงินสดมาใช้ในการลงทุน ทั้งยังมีระยะเวลาในการผ่อนชำระสูงสุดถึง 30 ปี และยังสามารถยื่นขอรีไฟแนนซ์เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยต่ำในทุก ๆ 3 ปี จึงมีดอกเบี้ยต่ำกว่าการกู้เงินสด
  • เป็นการลงทุนที่ใช้เวลาในการติดตามน้อย ถ้าลงทุนในหุ้นคุณจะต้องคอยมอนิเตอร์ตลาดหุ้นอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ไม่พลาดการทำกำไร ขณะที่การลงทุนคอนโดไม่ต้องเกาะติดและใช้เวลามากเท่า ซึ่งนับเป็นข้อดีของการลงทุนคอนโดที่ชัดเจน เพราะคุณอาจใช้เวลาแค่ช่วงก่อนการตัดสินใจ ด้วยการหาข้อมูลเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด จากนั้นเมื่อตกลงใจแล้ว ก็ใช้อีกไม่กี่วันในการยื่นกู้ ทำสัญญากับโครงการ หาผู้เช่า ซึ่งเมื่อจบทุกกระบวนการแล้วคุณก็ไม่จำเป็นต้องทุ่มเทเวลาเพื่อเกาะติดแต่อย่างใด
  • เป็นการลงทุนที่จับต้องได้ เพราะการเป็นเจ้าของคอนโดหมายถึงคุณเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นรูปธรรม คุณสามารถเข้าพักอาศัยเองก็ได้ จะปล่อยเช่าก็ได้ หรือจะเก็บไว้เป็นมรดกก็ได้ ทั้งยังเป็นสิ่งที่เห็นเมื่อไหร่ก็สร้างความภาคภูมิใจได้เมื่อนั้น
  • นำไปลดหย่อนภาษีได้ นั่นเพราะการลงทุนในคอนโดส่วนใหญ่ผู้ลงทุนจะต้องกู้เงินจากสถาบันการเงินซึ่งจะมีดอกเบี้ย ซึ่งผู้ลงทุนสามารถนำดอกเบี้ยดังกล่าวไปลดหย่อนภาษีได้ ขณะที่การลงทุนหุ้นไม่สามารถนำไปลดหย่อนได้

 



หนึ่งโครงการในเครือ Major Development ที่เหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาคอนโดเพื่อการลงทุน คือ โครงการ Metris Rama9-Ramkumhang คอนโดติด 2 ถนนใหญ่ พระราม 9 – รามคำแหง 300 เมตร MRT รามคำแหง 12 และ 800 เมตร Airport Link รามคำแหง Office Building ใหม่ 2 ตึก Major Tower Rama9-Ramkumhang และ The Mall ที่กำลัง Renovate เป็นห้างใหม่และอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ได้ทั้งค่าเช่า Yield 4-5% และ Capital Gain ซึ่งทำเลตรงนี้ยังรายล้อมด้วยทางด่วน ที่ Metris Rama9-Ramkumhang มีทางเข้าออกให้เลือกถึง 2 ทาง จะไปเอกมัย-ทองหล่อก็ใกล้ หรือไปสุวรรณภูมิก็ง่ายเพียง 20 นาที ในคอนโดให้ส่วนกลางมากถึง 3 ชั้น ทั้งสระว่ายน้ำ, Co-Working space, Social Lounge ห้องสังสรรค์ปาร์ตี้กับเพื่อนๆ, ห้องอเนกประสงค์ และห้องออกกำลังกายพร้อมอุปกรณ์

 

จากข้อมูลการลงทุนทั้งสองประเภทที่นำมาบอกเล่ากัน จะเห็นว่ามีความแตกต่างกันไม่น้อยเลย ซึ่งถ้าคุณกำลังหาการที่เหมาะสมกับคุณอยู่ อยากให้ประเมินจากตัวเองเป็นหลัก เช่น คุณมีความรู้ความเข้าใจกับเรื่องไหนมากกว่ากัน, คุณมีเวลามากน้อยแค่ไหน, เงินที่จะใช้ในการลงทุน รวมถึงความชื่นชอบการลงทุนในแต่ละประเภทด้วย อย่าลืมนำข้อดีของการลงทุนหุ้น และข้อดีของการลงทุนคอนโดมาเปรียบเทียบ ถ้ามีข้อมูลเพียงพอและเข้าใจตัวเองอย่างแท้จริง เชื่อว่าคุณจะให้คำตอบกับตัวเองได้ว่าการลงทุนแบบไหนดีสำหรับตัวเอง