Innovation & Design

รู้จักกับงานออกแบบที่ไม่ว่าจะสมัยไหนก็ไม่ตกยุค ‘Timeless Design’

August 1, 2018

การที่คนเราจะมีบ้านสักหลัง หรือคอนโดดี ๆ สักแห่ง แน่นอนว่า ทำเลที่ดี กับความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตเป็นปัจจัยสำคัญในพิจารณาเพื่อตัดสินใจเลือกว่าจะเป็นที่ไหนดี  แต่ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องให้ความใส่ใจไม่แพ้กัน นั่นคือเรื่องของงานดีไซน์ หรือการออกแบบที่สวยตรงใจ เพราะไม่ว่าใคร ล้วนอยากอยู่ในบ้านที่มีความสวยงาม  แต่ทำอย่างไรบ้านที่ดูสวยงามในวันนี้จะยังดีดู และถูกใจเราไปได้ตลอด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน นั่นเพราะเราคงไม่สามารถเปลี่ยนบ้าน หรือคอนโดกันได้บ่อย ๆ ดังนั้นการออกแบบที่เรียกว่า Timeless Design หรือการออกแบบที่ไร้กาลเวลา คงความสวยงาม ความคลาสสิคตลอดกาลจึงมีความสำคัญ

“Two things that make room timeless : A sense of history and A piece of the future” Charlotte Moss อินทีเรีย ดีไซน์เนอร์ระดับโลก ผู้ได้รับรางวัล The Timeless Design Award ให้ความเห็นไว้ว่า การออกแบบที่ไร้กาลเวลาจะต้องรวมไว้ทั้งจิตวิญญาณทางประวัติศาสตร์ และความทันสมัยของอนาคต ซึ่งน่าจะหมายถึง การผสมรวมกันระหว่างการออกแบบสไตล์คลาสสิค กับการออกแบบสไตล์โมเดิร์นที่มีความทันสมัยและเป็นงานออกแบบที่ไม่ตกยุค

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ 2 สไตล์ที่จะมาผสานกันก่อน

1805_BlogJuly_5_content_960x504-1.jpg

สไตล์คลาสสิค

สไตล์คลาสสิคเป็นคำใช้รวมเรียกงานสถาปัตยกรรม เช่น งานสถาปัตยกรรมในยุคกรีก-โรมัน, เรอเนซองส์, บาโรค, วิกตอเรียน ไปจนถึงศิลปะนูโว แม้ว่างานสถาปัตยกรรมทั้งหมดจะมีรายละเอียดแตกต่างกันไป แต่มีหลักการสำคัญที่คล้ายกันคือ เน้นที่การตกแต่งสวยงามลงตัว ดูหรูหรา บ่งบอกถึงฐานะ จึงเป็นที่ชื่นชอบของคหบดี หรือบุคคลระดับสูง สิ่งที่บ่งบอกได้ว่า นี่คือการออกแบบสไตล์คลาสสิค คือ การออกแบบห้องให้มีขนาดใหญ่กว่าปกติ มีฝ้าเพดานสูง ๆ ใช้หลักความสมดุลซ้ายขวา (Symmetrical balance) ทั้งกับพื้นที่ภายนอก และภายในตัวอาคาร ซึ่งช่วยเพิ่มความหรูหราโอ่โถง มีความคลาสสิคตลอดกาล มีการใช้เสากลมลอยตัว ประตู หน้าต่าง ช่องแสง มีขนาดใหญ่กว่าปกติ นิยมใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น หินอ่อน หินแกรนิต เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่มีการกลึงหรือแกะสลักงดงาม ใช้ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ที่พิมพ์ลายชัดเจน หรือทออย่างประณีต หรือใช้หนังแท้ผสมผสานกับการตอกหมุดทองเหลือง ใช้ม่านที่จับจีบระบายหรูหรา มีการใช้พรม โคมไฟแขวนเพดานเพื่อเน้นความอลังการ จะเห็นว่าสไตล์นี้เน้นที่ความรู้สึกหรูหราเป็นสำคัญ ไม่เน้นประโยชน์ใช้สอยมากนัก

1805_BlogJuly_5_content_960x504-2.jpg

สไตล์โมเดิร์น

บ้านรูปแบบโมเดิร์นได้รับอิทธิพลจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงศตวรรษที่ 18-20 ซึ่งเป็นยุคที่คำนึงถึงคุณค่าและประโยชน์ในการใช้สอย ประหยัดวัสดุ และแรงงานในการก่อสร้าง จึงมีเกิดการลดทอนองค์ประกอบที่ฟุ่มเฟือย มาใช้รูปทรงเลขาคณิตขั้นพื้นฐานที่มีความเรียบง่าย ไม่มีการตกแต่งหรือปกปิดพื้นผิว เป็นการยอมรับลักษณะที่เป็นธรรมชาติ ของวัสดุและโครงสร้าง เนื่องจากคำว่า Modern แปลว่าใหม่หรือทันสมัย จึงหมายถึงการออกแบบในรูปแบบใหม่ๆ ของยุคนั้น ดังนั้นบ้านสไตล์โมเดิร์น จึงเป็นบ้านที่ดูเรียบง่าย เน้นการใช้สอยเป็นหลัก ใช้รูปทรงเลขาคณิต มีโทนสีที่เรียบง่ายสบายตา เช่น ขาว เทา ดำ เผยให้เห็นโครงสร้างและโชว์ผิวเนื้อแท้ของวัสดุ ซึ่งวัสดุที่ใช้ก็มีทั้งคอนกรีต เหล็ก กระจก ไม้ โดยไม่มีการทาสีทับ หรือทำให้เนื้อแท้ของวัสดุเปลี่ยนไป เฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งภายในมักเป็นสไตล์เรียบเท่ รูปทรงสวย เป็นงานดีไซน์ที่ทำจากวัสดุชั้นดี หรือเป็นรูปแบบที่กำลังนิยม อาจเป็นเฟอร์นิเจอร์จากนักออกแบบชื่อดังแห่งยุค

จะเห็นว่าทั้งสองสไตล์นี้นับว่าอยู่คนละขั้ว โดยมีข้อดี และข้อด้อยต่างกันไป แบบคลาสสิค จะยึดถือรูปแบบตามยุคสมัย รายละเอียดต่าง ๆ ที่ออกแบบ หรือของประดับตกแต่ง ต้องอ้างอิงตามยุคสมัยได้ถูกต้อง ซึ่งบางครั้งการยึดติดกับยุคสมัย ขนบ และความงามของอดีตมากจนเกินไป ก็ทำให้ไม่เหมาะกับยุคสมัย และการใช้ชีวิตของคนปัจจุบัน  อีกทั้งยังไม่ตอบโจทย์เรื่องประโยชน์ใช้สอยเท่าที่ควร ขณะที่รูปแบบโมเดิร์น แม้จะบอกว่าเป็น งานออกแบบที่ไม่ตกยุค แต่ความทันสมัยก็เหมือนกับเทรนด์ ที่ในอนาคต เทรนด์ของวันนี้ อาจจะไม่ใช่เทรนด์ที่นิยมกันอีกต่อไป

1805_BlogJuly_5_content_960x504-3.jpg

ดังนั้นถ้าคุณอยากมีบ้านที่มีความหรูหราคลาสสิค ที่เป็นความคลาสสิคตลอดกาล ขณะที่ก็ยังอยากได้ความโมเดิร์นที่ให้ความรู้สึกเก๋ ชิค มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิต แนะนำการออกแบบที่ไร้กาลเวลาของ มาเอสโตร 01 สาทร-เย็นอากาศ จาก MAJOR DELOPMENT โครงการที่มีการออกแบบโดดเด่นด้วยเส้นสายสถาปัตยกรรมยุโรปสไตล์คลาสสิค ผสานเข้ากับความงดงามร่วมสมัยอย่างลงตัว พร้อมให้ความสำคัญกับเรื่องการรับแสง และระบายลมจากธรรมชาติเข้ามาภายในตึก เพิ่มความสบายและประหยัดพลังงาน ออกแบบพื้นที่ใช้สอยอย่างชาญฉลาด ด้วย Multi-Purpose Balcony ที่ขยายพื้นที่ห้องนั่งเล่นให้กว้างขวางออกไปได้จนสุดระเบียง ให้คุณได้ใกล้ชิดกับบรรยากาศภายนอก รู้สึกได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เพียงแค่มองออกไปนอกหน้าต่าง