หากย้อนกลับไปเกือบ 20 ปี ย่านพระราม 9 ถือว่าเป็นทำเลนอกสายตานักลงทุนก็ว่าได้ เพราะเมื่อพูดถึงย่านนี้คนจะรู้สึกว่าเป็นแค่ทางผ่านไปยังถนนสุขุมวิทหรือเส้นทางอื่น ๆ แต่เมื่อกลับมาดูใหม่ในวันนี้ ย่านพระราม 9 ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว มีทั้งการคมนาคมขนส่งที่สะดวกรวดเร็ว อย่าง รถไฟฟ้า MRT ที่เชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้า BTS แค่ 2 สถานี มี Airport Link สถานีมักกะสัน และในอนาคตยังจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตลิ่งชัน – ศูนย์วัฒนธรรม) ทั้งยังเป็นจุดเชื่อมของทางด่วนไปหลาย ๆ ที่, เป็นที่ตั้งแห่งใหม่ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, อาคาร AIA Capital Center, Fortune Town, Central Grand Rama 9, Esplanade, The Street, Show DC, The Super Tower อาคารที่สูงที่สุดในอาเซียน, ตลาดนัดรถไฟ, ออฟฟิศบิลด์ดิ้งต่าง ๆ, คอนโดมิเนียม ฯลฯ ดังนั้นกูรูหลายสำนักจึงยกให้ ย่านพระราม 9 เป็น NEW CBD (Central Business District) แห่งใหม่ที่มาแรงและน่าจับตามอง
ทุกวันนี้ ย่านพระราม 9 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง...ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ย่านนี้ พลิกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือน่าจะมีอยู่หลายประการ แต่สิ่งที่มองข้ามไม่ได้ และหลายคน ๆ ให้ความสำคัญมาก คือ ฮวงจุ้ย ที่ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยของชาวจีนโบราณ ซึ่งมักจะนำที่อยู่อาศัยกับหลักฮวงจุ้ยมาผูกโยงกัน เพื่อความเจริญรุ่งเรือง ตามความหมายแบบตรงตัว ‘ฮวง’ แปลว่า ลม ส่วน ‘จุ้ย’ คือ น้ำ ฮวงจุ้ย เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ โดยเชื่อว่าเป็นการดึงเอาพลังธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ เพื่อความสอดคล้องสมดุลกับธรรมชาติ และไม่ทำร้ายธรรมชาติ
หลักการฮวงจุ้ยมีมากมายหลายประการ แต่หัวใจสำคัญของฮวงจุ้ย โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยกับหลักฮวงจุ้ย นั้นสรุปออกมาได้เป็น 3 ปัจจัยหลัก ๆ คือ
1. ฟ้า หรือ เทียน ในภาษาจีน นอกจากจะหมายถึงโอกาส และจังหวะเวลาที่ดีแล้ว ฟ้ายังรวมถึงพื้นที่ที่มีความปลอดโปร่ง โล่ง สะอาด รับแสงอาทิตย์ได้ทั่วถึง มีพลังงานลมไหลเวียน อากาศถ่ายเทได้สะดวก ซึ่งนับเป็นพลังงานธรรมชาติที่ดี
2. ดิน ที่หมายถึงทำเลที่ตั้ง ตามศาสตร์ฮวงจุ้ยโบราณ ทำเลที่ดี ต้องเป็นทำเลที่มีการสะสมของพลังชี่ได้ดี โดยสุดยอดฮวงจุ้ยที่ทุกคนมองหาคือ ตำแหน่งท้องมังกร สมัยก่อนตำแหน่งท้องมังกรจะมาพร้อมกับสายน้ำ เพราะการเคลื่อนไหวของสายน้ำหมายถึงพลังชี่ที่ดี และช่วงที่ดีสุดที่ถือว่าเป็นท้องมังกร ก็คือ กึ่งกลางของโค้งน้ำด้านใน ที่เป็นจุดที่น้ำไหลช้าที่สุด แต่ปัจจุบันความเคลื่อนของพลังชี่ มาอยู่ที่เส้นทางถนนแทน ดังนั้น ที่อยู่อาศัยกับหลักฮวงจุ้ยที่ดีจะต้องอยู่ในทำเลที่มี
• ถนนขนาดใหญ่ ที่ช่วยการไหลของกระแสพลังได้ดีกว่าถนนเส้นเล็ก ๆ เพราะการมีรถสัญจรตลอดเวลาช่วยให้เกิดการเคลื่อนไหวของกระแสพลังอย่างต่อเนื่อง
• มีจุดตัดทางแยกหลายแห่ง ซึ่งจุดตัดของถนนไม่ว่าจะสามแยก หรือสี่แยก ที่รถยนต์วิ่งมาบรรจบกัน ถือเป็นการนำกระแสพลังมาสะสมไว้ ทำให้มีกระแสพลังไหลเวียนอยู่ตลอดเวลา
• มีรถไฟฟ้า เพิ่มการไหลเวียนของกระแสพลัง ในทางฮวงจุ้ยถือว่ารถไฟฟ้าเป็นวัตถุที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ช่วยให้เกิดการไหลเวียนของกระแสพลังดีขึ้น
• มีทางด่วน เพื่อกักเก็บกระแสพลัง โดยทางด่วนนั้นนอกจากจะช่วยให้เกิดการไหลเวียนของกระแสพลัง ยังเป็นการกักเก็บกระแสพลังงานไม่ให้รั่วไหลออกไปด้วย
3. มนุษย์ หรือ นั้ง ทำเลที่มีผู้คนคึกคัก หมายถึง การเคลื่อนไหวของพลังงานที่ดี เป็นพลังงานจากสิ่งมีชีวิต ช่วยให้มีความสดชื่น อุดมสมบูรณ์ ไม่แห้งแล้ง
จะเห็นว่าคำตอบหนึ่งของความรุ่งเรืองในย่านนี้ คือการมีหัวใจสำคัญของฮวงจุ้ยที่ดีครบทุกประการ ไม่ว่าจะอยู่ในทำเลที่โปร่ง รับแสงอาทิตย์ได้เต็มที่, เป็นทำเลที่เป็นท้องมังกร เพราะมีเส้นทางเข้าออกได้หลายเส้นทาง และเป็นย่านที่ผู้คนคึกคัก ทั้งไทย และต่างชาติ เนื่องจากอยู่ใกล้แหล่งรวมของผู้คน อย่าง ห้างสรรพสินค้าใหญ่ และสถานทูตจีน ทำให้มีคนจีนอาศัยอยู่มาก จนหลายคนเรียกว่า เป็นไชน่าทาวน์แห่งใหม่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นถ้าคุณกำลังมองหาที่อยู่อาศัยกับหลักฮวงจุ้ยที่ดี อยู่แล้วมีแต่จะเพิ่มมูลค่าให้กับการลงทุน MAJOR DEVELOPMENT คัดสรรทำเลฮวงจุ้ยดีไว้ให้คุณแล้วกับโครงการมาเอสโตร 03 รัชดา-พระราม 9 ซึ่งนอกจากตัวโครงการจะโอบล้อมด้วยพื้นที่สีเขียว เปิดรับแสงและการถ่ายเทของลมธรรมชาติ สร้างความกลมกลืนของสภาพแวดล้อมอันร่มรื่นกับผู้อยู่อาศัย ที่เป็นไปตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ยังตั้งอยู่ในย่านที่ถือว่าตรงตามหลักฮวงจุ้ยที่ดีมากที่สุดด้วย